- บริษัทได้จดทะเบียนเพิ่มทุนจดทะเบียนและทุนชำระแล้วจาก 100 ล้านบาท เป็น 200 ล้านบาท ในเดือน พฤศจิกายน 2562 โดยเพิ่มหุ้นสามัญจำนวน 200,000 หุ้น มูลค่าหุ้นที๋ตราไว้หุ้นละ 1,000 บาท

- ท่าจีน สตีล โปรดักส์ ได้รับใบอนุญาตทำผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมประเภทเหล็กเส้นเสริมคอนกรีต : เหล็กเส้นกลม และเหล็กข้ออ้อย ตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เลขที่ มอก.20-2559 และ มอก.24-2559 ตามลำดับ จากสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม

- บริษัทลดจำนวนคลังสินค้าลง 6 แห่ง โดยยกเลิกสาขาที่จังหวัดเชียงราย สาขาที่จังหวัดเชียงใหม่ สาขาที่จังหวัดนครศรีธรรมราช สาขาที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี สาขาที่จังหวัดสงขลา และคลังสำนักงานใหญ่
- บริษัทได้ย้ายสำนักงานใหญ่มาตั้งอยู่ที่โรงงาน เลขที่ 47-48 หมู่ 3 ตำบลบ้านเกาะ อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร
- เจ.เอส. สตีล บาร์ ก่อตั้งขึ้นโดยคุณอนงค์วรรณ อินทราประสิทธิ์ ในชื่อ "บริษัท เจ.เอส. สตีล บาร์ จำกัด" ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มแรก 1 ล้านบาท และได้เพิ่มเป็น 100 ล้านบาทในปีเดียวกัน เพื่อดำเนินธุรกิจเป็นผู้จำหน่ายเหล็กเส้นขายทั่วประเทศ ตั้งอยู่ เลขที่ 47-48 หมู่ 3 ตำบลบ้านเกาะ อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร

- บริษัทลดจำนวนคลังสินค้าลง 3 แห่ง โดยยกเลิกสาขาที่จังหวัดขอนแก่น สาขาที่จังหวัดอุดรธานี สาขาที่จังหวัดภูเก็ต ปัจจุบันคลังเก็บสินค้า รวมสำนักงานใหญ่มีทั้งหมด 6 แห่ง ทั่วประเทศ

- บริษัทลดจำนวนคลังสินค้าลง 1 แห่ง โดยยกเลิกสาขาที่จังหวัดนครราชสีมา คงเหลือคลังเก็บสินค้า รวมสำนักงานใหญ่มีทั้งหมด 9 แห่ง ทั่วประเทศ

- ท่าจีน แอสเซท และท่าจีน โลจีสติกส์ ได้ควบรวมกิจการด้วยกัน เป็นนิติบุคคลใหม่ ชื่อ บริษัท ท่าจีน แอสเซท จำกัด ในเดือนมีนาคม 2556 โดยมีทุนจดทะเบียนและเรียกชำระแล้วจำนวน 450 ล้านบาท ซึ่งต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท เจ.เอส.สตีลโปรดักส์ จำกัด เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2556
- บริษัทได้จดทะเบียนลดทุนจดทะเบียนและทุนชำระแล้วจาก 500 ล้านบาท เป็น 400 ล้านบาท ในเดือน ตุลาคม 2556 โดยลดหุ้นสามัญจำนวน 100,000,000 หุ้น มูลค่าหุ้นที๋ตราไว้หุ้นละ 1 บาท เพื่อชำระเงินคืนแก่ผู้ถือหุ้นจำนวน 100 ล้านบาท และได้จดทะเบียนเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 500 ล้านบาท โดยออกหุ้นสามัญใหม่จำนวน 100,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท เพื่อรองรับการเสนอขายหุ้นต่อประชาชน
-เจ.เอส.สตีลโปรดักส์ ได้รับอนุมัติให้ผลิตเหล็กเส้นกลม และเหล็กข้ออ้อยภายใต้ตราสินค้า “จส” และ “JS” จาก สมอ. และได้ยกเลิกตราสินค้า “ทจอ” และ “TCA”

- ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2555 เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2555 ยืนยันการเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 625 ล้านบาท โดยการออกหุ้นสามัญใหม่จำนวน 125,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท เพื่อเสนอขายต่อประชาชน
- ที่ประชุมกรรมการ ครั้งที่ 8/2555 เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2555 พิจารณาโอนทรัพย์สินและกิจการของ ท่าจีน โลจีสติกส์ ให้แก่ ท่าจีน แอสเซท- ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2555 เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2555 ยืนยันการเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 625 ล้านบาท โดยการออกหุ้นสามัญใหม่จำนวน 125,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท เพื่อเสนอขายต่อประชาชน
- ที่ประชุมคณะกรรมการ ครั้งที่ 8/2555 เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2555 พิจารณาโอนทรัพย์สินและกิจการของ ท่าจีน โลจีสติกส์ ให้แก่ ท่าจีน แอสเซท

- บริษัทได้ซื้อที่ดินและสิ่งก่อสร้างซึ่ง เป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่และคลังสินค้าของบริษัท ตั้งอยู่ที่ตำบลแสมดำ อำเภอบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร ในราคา 154.82 ล้านบาท จาก บริษัท กรุงเทพชัยพัฒนา (1998) จำกัด ซึ่งบริษัทที่เกี่ยวข้องกัน (ราคาซื้อขายดังกล่าวเป็นราคาประเมินที่จัดทำโดยบริษัท นวมินทร์ แอพไฟรซัลแอนด์ คอนซัลแตนท์ จำกัด ลงวันที่ 8 มิถุนายน 2555 โดยผู้ประเมินราคาดังกล่าวเป็นผู้ประเมินที่ได้รับความเห็นชอบจากสำนักงาน กลต.) นอกจากนั้น บริษัทยังได้ซื้อ อาคารคลังสินค้าซึ่งเป็นสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินเช่าของบริษัทในจังหวัด ภูเก็ต จังหวัดนครราชสีมา และจังหวัดขอนแก่นจากบริษัทที่เกี่ยวข้องกันดังกล่าว ในราคา 5 ล้านบาท (ราคาซื้อขายดังกล่าวเป็นราคาสูงกว่าจำนวน 0.28 ล้านบาท จากราคาประเมินที่จัดทำโดย บริษัท นวมินทร์ แอพไฟรซัล แอนด์ คอนซัลแตนท์ จำกัด ลงวันที่ 30 ตุลาคม 2555) รวมทั้งบริษัทได้ซื้อเครื่องจักรที่เป็นเครนและรอกยกในคลังสินค้าดังกล่าวจำนวน 1 ล้านบาท

- บริษัทได้ย้ายสำนักงานใหญ่มาตั้ง อยู่คลังสินค้าในกรุงเทพฯ คือ เลขที่ 68/101 หมู่ที่ 3 ถนนแสมดำ แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กรุงเทพฯ
- บริษัทลดจำนวนคลังสินค้าลงเหลือ 10 สาขา โดยยกเลิกสาขาที่จังหวัดระยอง
- ท่าจีน แอสเซท ได้รับใบรับรองเลขที่ 1-163/2554 สค จากกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อรับรองว่า โรงงานของ ท่าจีน แอสเซท เป็นอุตสาหกรรมสีเขียว (Green Industry) ระดับ
ที่ 1: ความมุ่งมั่นสีเขียว (Green Commitment) ซึ่งแสดงว่ามีความมุ่งมั่นที่จะลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และมีการสื่อสารภายในองค์กรให้ทราบโดยทั่วกัน

- เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2553 บริษัทได้จดทะเบียนแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนจำกัด โดยใช้ชื่อว่า “บริษัท เจ.เอส.วัฒนา จำกัด (มหาชน)” และเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 625 ล้านบาท และเปลี่ยนแปลงมูลค่าที่ตราไว้เป็นหุ้นละ 1 บาท โดยการออกหุ้นสามัญใหม่จำนวน 125,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท เพื่อเสนอขายต่อประชาชน
- ท่าจีน แอสเซท ได้รับใบอนุญาตทำผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมประเภทเหล็กเส้นเสริมคอนกรีต : เหล็กเส้นกลม และเหล็กข้ออ้อย ตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เลขที่ มอก.20-2543 และ มอก.24-2548 ตามลำดับ จากสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม
- ท่าจีน แอสเซท ลงทุนติดตั้ง โรงกำเนิดแก๊ส (Gasifier) เพื่อนำถ่านหินมาใช้ในขั้นตอนการปรับอุณหภูมิของเตาอบของโรงรีดเหล็กเส้นที่ 2 เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่ใช้โรงกำเนิดแก็ส ในการทำความร้อนให้แก่เตาอบ
- ท่าจีน โลจีสติกส์ ได้ก่อสร้างท่าเทียบเรือคอนกรีตเสริมเหล็กขนาดใหญ่ หน้ากว้าง 60 เมตร สามารถจอดเรือขนาดใหญ่ได้จำนวน 4 ลำ ซึ่งตั้งอยู่ที่ริมแม่น้ำ ท่าจีน ตำบลบ้านเกาะ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร

- ท่าจีน แอสเซท ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 9001:2008 ในการผลิตเหล็กเส้นกลม และเหล็กข้ออ้อย สำหรับการบริหารจัดการด้านคุณภาพ (Quality Management) และ ISO 14001:2004 สำหรับการบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อม (Environment Management) จาก บริษัท เอสจีเอส (ประเทศไทย) จำกัด (“SGS”) และ ได้รับต่อเนื่องทั้งสองฉบับจนถึง ปี 2558 จาก National Quality Assurance (“NQA”)
- บริษัทลดจำนวนคลังสินค้าลงเหลือ 11 สาขา โดยยกเลิกสาขาที่จังหวัดนครสวรรค์ และพิษณุโลก
- ท่าจีน แอสเซท ได้รับอนุมัติให้ผลิตเหล็กเส้นกลม และเหล็กข้ออ้อยแบรนด์ “ทจอ” และ “TCA” จาก สมอ. และได้ยกเลิกตราสินค้า “ทจส” และ “TCSP”

- บริษัทเพิ่มทุนจดทะเบียนและเรียกชำระเเล้วเป็น 500 ล้านบาท โดยการออกหุ้นสามัญใหม่จำนวน 400,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1,000 บาท เพื่อใช้ในการปรับปรุงโครงสร้างของกลุ่มบริษัท โดยใช้หุ้นเพิ่มทุนแลกเปลี่ยนกับผู้ถือหุ้นของ ท่าจีน แอสเซท และ ท่าจีน โลจีสติกส์
- กลุ่มบริษัทดำเนินการปรับเปลี่ยนโครงสร้างการถือหุ้น โดยบริษัทได้นำหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 400,000 หุ้นแลกกับผู้ถือหุ้นของท่าจีน แอสเซท และท่าจีน โลจีสติกส์ ซึ่ง มีกรรมการและผู้ถือหุ้นร่วมกัน ทำให้บริษัทเข้าถือหุ้นในอัตราร้อยละ 99.99 ของท่าจีน แอสเซท และท่าจีน และท่าจีน โลจีสติกส์
- บริษัทจัดตั้งสำนักงานสาขาเพิ่มเติมอีก 4 สาขา รวมเป็๋น 13 สาขา ที่จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดข่อนแก่น จังหวัดภูเก็ต และจังหวัดพิษณุโลก ทำให้มีคลังสินค้า ในต่างจังหวัด ครอบคลุมทุกภูมิภาคของประเทศไทย
- ท่าจีน แอสเซท ลงทุนติดตั้งโรงงานกำเนิดแก๊ส (Gasifier) เพื่อนำถ่านหินมาใช้ในขั้นตอนการปรับอุณหภูมิของเตาอบของโรงรีดเหล็กเส้นที่ 1 เพื่อลดการใช้พลังงานจากน้ำมันเตา
- ท่าจีน โลจีสติกส์ เพิ่มทุนจดทะเบียนและชำระเเล้ว 50 ล้านบาท เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน

- บริษัทเพิ่มทุนทะเบียนและแรกชำระแล้วเป็น 100 ล้านบาท โดยการออกหุ้นสามัญใหม่จำนวน 85,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1,000 บาท เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงาน
- ท่าจีน แอสเซท ได้ก่อสร้างโรงรีดเหล็กที่ 2 แล้วเสร็จและเริ่มดำเนินการผลิต ซึ่งมีกำลังการผลิต 360,000 ตันต่อปี ทำให้ ท่าจีน แอสเซท มีกำลังการผลิต รวมทั้งสิ้น 480,000 ตันต่อปี
- ท่าจีน โลจีสติกส์ จดทะเบียนเปลี่ยนแปลงชื่อบริษัท จาก " บริษัท ท่าจีน สตีล โปรดักส์ จำกัด" เป็น " บริษัท ท่าจีน โลจีสติกส์ จำกัด"

- บริษัทจัดตั้งสำนักงานสาขาเพิ่มเติมอีก 3 สาขา รวมเป็น 9 สาขา ที่จังหวัดเชียงราย จังหวัดระยอง และจังหวัดสงขลา
- ท่าจีน แอสเซท ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 9001:2000 จากสถาบัน NQA
- ท่าจีน แอสเซท ได้รับอนุมัติให้ผลิตเส้นอ้อยแบรนด์ ทจส และ TCSP จากสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.)

- บริษัทขยายกิจการโดยการจัดตั้งสำนักงานสาขาเพิ่มเติมอีก 3 สาขา รวมเป็น 6 สาขา ที่จังหวัดอุดรธานี จังหวัดนครสวรรค์ และจังหวัดสุราษฎร์ธานี
- ท่าจีน แอสเซท เพิ่มทุนจดทะเบียนและชำระเเล้วเป็น 400 ล้าน เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน และก่อสร้างโรงรีดเหล็กเส้นที่ 2
- ท่าจีน โลจีสติกส์ เพิ่มทุนจดทะเบียนและชำระแล้วเป็น 15 ล้านบาท เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนและก่อสร้างท่าเทียบเรือ

- ท่าจีน แอสเซท ได้รับอนุมัติให้ผลิตเหล็กเส้นกลมแบรนด์ ทจส และ TCSP จากสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.)

- บริษัทจดทะเบียนจัดตั้งสำนักงานสาขาในกรุงเทพมหานคร เพื่อเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่าย ตั้งอยู่ที่ 68/101 หมู่ที่ 3 ถนนแสมดำ เขตบางขุนเทียน กรุงเทพฯ
- บริษัทขยายกิจการโดยการจัดตั้งสำนักงานสาขาเพิ่มเติมในต่างจังหวัด เพื่อให้บริการเป็นคลังสินค้าโดยตั้งอยู่ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช และจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งจะเป็นการช่วยเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่าย และการให้บริการลูกค้าได้อย่างทั่วถึง

- บริษัท เจ.เอส.วัฒนา จำกัด เพิ่มทุนจดทะเบียนและเรียกชำระเเล้วเป็น 15 ล้านบาท โดยการออกหถ้นสามัญใหม่จำนวน 14,000 หุ้น มูลล่าที่ตราไว้หุ้นละ 1,000 บาท เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงาน
- ท่าจีน แอสเชท ก่อสร้างโรงงานรีดเหล็กเส้นที่ 1 แล้วเสร็จและได้เริ่มดำเนินการผลิต โดยมีกำลังการผลิตเหล็กเส้นจำนวน 120,000 ตันต่อปี
- ท่าจีน โลจีสติกส์ ก่อตั้งขึ้นโดยคุณดีอนันต์ บุญสิมะ ในชื่อ" บริษัท ท่าจีน สตีล โปรดักส์ จำกัด" ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มแรก 1 ล้านบาท เพื่อดำเนินธุรกิจให้บริการขนส่ง โดยมีสำนักงานใหญ่ อยู่ที่ 56 หมู่ที่ 3 ตำบลบ้านเกาะอำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร

- บริษัทเริ่มตั้งในปี 2544 โดยใช้ชื่อว่า "บริษัท เจ.เอส.วัฒนา จำกัด" ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มแรก 1 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 1,000 หุ้น มูลค่า ที่ตราไว้หุ้นละ 1,000 บาท เพื่อประกอบธุรกิจจำหน่ายเหล็กเส้น โดยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ 59/212 หมู่ที่ 2 ตำบลคอกกระบือ อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร
- ท่าจีน แอสเชท ก่อตั้งขึ้นโดยคุณดีอนันต์ บุญสิมะ ในชื่อ "บริษัท ท่าจีน แอสเชท จำกัด" ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มแรก 1 ล้านบาท และได้เพิ่มเป็น 100 ล้านบาทในปีเดียวกัน เพื่อดำเนินธุรกิจเป็นผู้รับจ้างฝลิตเหล็กเส้น และได้เริ่มต้นก่อสร้างโรงรีดเหล็กเส้นที่ 1 ณ.ตำบลบ้านเกาะ อำเภอเมืองสมัทรสาคร จังหวัดสุทรสาคร